ของฝากจากเยอรมัน Photos Panoramas Postcards Guestbook
ท่องเที่ยวไฮเดลเบิร์ก หน้า 1 : รู้จักเยอรมัน | 2 : เดินทางไปไฮเดลเบิร์ก | 3 : เรื่องเล่าจากครอบครัวมด | 4 : ความประทับใจ
 
อ่านบันทึกเล่าสู่กันฟัง
เยอรมัน
ฝรั่งเศส
ลักซ์เซมเบิร์ก

<NEW!> เนเธอแลนด
เบลเยี่ยม

 



วันศุกร์อากาศดีที่ไฮเดลเบิร์ก (วันศุกร์ที่ 18 เมษา)

ฉันทำหัวใจหล่นหายที่ไฮเดลเบิร์ก "I lost my heart in Heidelberg"
เขาว่ากันว่า...เพลงนี้แต่งโดยหนุ่มที่ตกหลุมรักขณะเดินทางมาเยือนไฮเดลเบิร์ก

เมืองนี้จะโรแมนติกขนาดไหน...นะ

วันนี้พวกเราตื่นตั้งแต่เช้า เตรียมพร้อมที่จะออกเดินทางไป Heidelberg
ตอนที่พวกเราวางแผนท่องเที่ยวในครั้งแรก พวกเราคิดจะซื้อตั๋วรถไฟจาก Strasbourg <-> Heidelberg
ของ SNCF แต่น้องเกดไกด์ใจดีของเราได้แนะนำไว้ว่า ถ้าซื้อตั๋วจากการรถไฟของฝรั่งเศส SNCF
จาก Strasbourg <-> Heidelberg จะแพง ให้ไปซื้อตั๋วโดยตรงของเยอรมัน จะถูกกว่า
พวกเราเชื่อแต่โดยดี เพราะลองแวะไปดูเวบ SNCF แล้ว แพงจริงๆด้วย ไปกลับก็ 19.50 euros (ราคาเต็ม)
ส่วนใครที่ได้ลดก็คงดีขึ้นหน่อย

แต่แนะนำว่า ให้ซื้อ ตั๋ว Baden-Wurttemberg-Ticket จะประหยัดเงินในกระเป๋าได้อีกแยะ
เช้าวันนี้ พวกเราเลยนั่งรถบัสจากเมือง Strasbourg มาเข้าเขตเยอรมัน 20 นาทีก็ถึง เมือง Kehl
หลังจากซื้อตั๋วจากตู้เรียบร้อยแล้ว ก็พร้อมเดินทางล่ะ...


ตั๋วที่ว่านี้ ชื่อ ตั๋ว Baden-Wurttemberg-Ticket ราคา 21 ยูโร
ใช้เดินทางได้มากที่สุด 5 คน ซึ่งเงื่อนไขคือ ใช้เดินทางได้เฉพาะจันทร์ถึงศุกร์
9 โมงเช้า ถึงตี 3 ไปที่ไหนก็ได้ในเขต Baden

นั่งได้เฉพาะรถไฟวิ่งระยะใกล้ชั้นสอง ประเภท IRE (InterRegioExpress),
RE (RegionalExpress), RB (RegionalBahn), S (S-bahn)
ยกเว้นพวก ICE (InterCityExpress), IC (InetrCity)
อ้อ อีกอย่างคือ สามารถใช้นั่งรถบัสและรถทรัมในเมืองนั้นได้อีกด้วย
งานนี้เรียกว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้มจริงๆ

พวกเราต้องไปเปลี่ยนรถไฟที่ Appenweier และ Karlsruhe HBF รวมเวลาทั้งหมดที่ใช้ก็ประมาณ 2h40 ก็มาถึง Heidelberg

ข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องตั๋วและตารางเวลาได้ที่ http://www.bahn.de


เที่ยงกว่าๆ มาถึงสถานีรถไฟ Heidelberg แล้ว และไม่ลืมที่จะจดเวลากลับของพวกเรา 18h46 เย็นนี้
พอเดินออกจากสถานีรถไฟ (ที่นี่เรียกสถานีรถไฟว่า bahnhof และสถานีหลักว่า Hauptbahnhof (HBF)
= main station
)

พวกเราตรงไปสำนักงานท่องเที่ยว เพื่อขอข้อมูลและ แผนที่ของเมืองนี้ แต่ได้รับคำตอบว่า ขายแผ่นละ 1 ยูโร
อะไรกันเนี่ย ! แค่นี้ก็ต้องขายด้วย เมืองอื่นเค้าให้กันฟรีๆ นะรู้ป่าว :P

เนื่องจากหาข้อมูลมาบ้างแล้ว เลยไม่ซื้อ พวกเราเลยอาศัย วิธีการดูแผนที่ตามป้ายรถละกัน


พวกเรานั่งรถบัสโดยใช้ตั๋วตะกี้ มาลงจุดแรกที่ แม่น้ำ Neckar ก่อนแล้วค่อยแวะเข้าไปสำรวจตัวเมืองในตอนหลัง
ภาพของอีกฟากแม่น้ำ มีการสร้างอาคารแบบบารอกและโกธิกขึ้นตลอดสองข้างทาง ผู้คนนอนรับลมบนสนามหญ้า
ริมตลิ่ง บ้างก็ขับเรือชมบรรยากาศสวยงามของแม่น้ำและภูเขา

พวกเราก็เดินไปเรื่อยๆ เป้าหมายคือ สะพานเก่าข้างหน้าที่ดูเหมือนจะไม่ไกล • •


• • • • •

ไฮเดลเบิร์ก หรือออกเสียงว่า"แบร์ก" ในภาษาเยอรมันนั้นสันนิษฐานว่ามาจากคำว่า eitel อันมีความหมายว่า สวย
และคำว่า berg แปลว่า ภูเขา บ้างก็ว่า Heidel มาจากภาษาอังกฤษ heathen ที่แปลว่า อนารยชน
ส่วนอีกตำราบอกว่าอาจมีความหมายถึง ภูเขาบลูเบอร์รี่ เพราะ Heidelbeer นั้นคือ ผลบลูเบอร์รี่

[เลื่อนเมาส์ไปบนรูปเพื่อดูชื่อสถานที่ อ่านประกอบกับเรื่องเล่า...จะไปเที่ยวได้สนุกขึ้นจ้ะ
ส่วนรูปทั้งหมดดูได้ที่เมนู Photos ข้างบนจ๊ะ มีทั้งวิวสวยๆ ทั้งวิวทั้งคน สนใจก็คลิกเข้าไปได้เลย]


แม่น้ำไรน์ที่กั้นระหว่างฝรั่งเศสและเยอรมัน ริมแม่น้ำเนคคาร์ (Neckar River) เพื่อจะเดินไปที่สะพานเก่า เก็บภาพเป็นที่ระลึกริมแม่น้ำ
บ้านเรือนริมฝั่งแม่น้ำ ใกล้ถึงสะพานเก่าแล้วล่ะ
มาถึงหน้าสะพานเก่าซะที เดี๋ยวเดินเข้าไปใกล้ๆอีกหน่อยดีกว่า
• •
"สะพานข้างหน้าโน่น สวยจัง ใกล้จะถึงแล้ว"
"นั่นสิ เดินชมแม่น้ำและวิวสองข้างทางเรื่อยๆ เดี๋ยวคงถึง"

พวกเราพูดขึ้นเมื่อเห็นจุดหมายตรงหน้าอยู่ไม่ไกลมากนัก
หลังจากเดินไปเรื่อยๆ สะพานที่ดูเหมือนใกล้แต่ทำไม...

"เมื่อไหร่จะถึงสะพานซะทีนะ เดินมาตั้งเยอะแล้ว"
"ไกลเหมือนกันแฮะ ถ่ายรูปเล่นกันก่อน เดี๋ยวก็คงถึง"

เราใช้เวลาพอสมควร ในที่สุดก็มาถึงสะพาน
Old bridge หรือ Karl-Theodor Bridge แล้ว
วิวตรงหน้าเป็นสะพานหินโค้งๆ ข้ามแม่น้ำเนคคาร์
จากฝั่งปราสาทไปอีกฟากฝั่ง มีฺ Bridge Gate
สองเสาต้นใหญ่สีขาวเด่นเป็นสง่า ที่ทางเข้าสะพานด้วย
วันนี้ฟ้าเป็นใจ อากาศดี ฟ้าเป็นสีฟ้า
ต้นไม้และดอกไม้ดูสดชื่นไปหมด
• •


• • • • •

มหากวีแห่งเยอรมัน เกอเธ่ (Goethe) กล่าวถึงไฮเดลเบิร์กว่าเป็น Ideal Landscape ...เมืองในฝัน... ชื่อเสียงโด่งดังในด้านความงดงามของไฮเดลเบิร์กขจรไปทั่วโลก ศิลปินเดินทางเพื่อชมความงามของแม่น้ำเนคคาร์
และสะพานเก่า ก่อนละเลงสีเก็บภาพไว้บนแผ่นเฟรมของตน

นักเดินทางรุ่นแล้วรุ่นเล่าต้องทำหัวใจหล่นหายไว้ที่เมืองแห่งนี้

"My heart was lost in Heidelberg for ever, My heart still beats at the Neckar strand."

"Again is on the Neckar the wine in bloom, as then,
The years have been a-passing, I am a lonely man.
And if you ask the fellow why he did no one find,
I told you, friends, I told you friends, what there is on my mind."


• • พวกเราชื่นชมความงามของแม่น้ำและสะพาน
ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกแล้ว เมื่อมองจากสะพานขึ้นไป
เห็น Church of the Holy Ghost
และ ปราสาท Heidelberg นั่นคือเป้าหมายต่อไป
ของพวกเรา

เมื่อมองแม่น้ำกลับไปอีกด้าน ตามทางที่เราเดินมา ภาพตรงหน้าก็สวยงามไม่แพ้กัน เราเดินไปตามป้าย
บอกทางขึ้นไปปราสาท ผ่าน Kornmarkt ที่ม
รูปปั้น Madonna งดงามมาก

การที่จะขึ้นไปปราสาท จะเดินหรือ นั่งรถราง
Bergbahn (Cable Railway) ขึ้นไปก็ได้
ถ้าเดิน ก็ใช้เวลาประมาณ 12 นาที ตามป้ายที่คำนวณ
เวลาให้เรียบร้อย พวกเราตัดสินใจเดินเพื่อที่จะได้
้ชื่นชมวิวสวยๆระหว่างทาง ถนนทางขึ้นทำด้วยหิน
cobblestone แม้พื้นจะขรุขระเป็นอุปสรรคต่อการเดิน
ถึงกับทำให้หอบเล็กๆ แต่ก็ไม่ถึงกับมีปัญหา
• •

เมื่อเข้ามาดูใกล้ๆ สะพานนี้สร้างได้ใหญ่โตและแข็งแรงดีจริงๆ Heidelberg Castle บนภูเขา
Church of the Holy Ghost ถ่ายภาพบนสะพานเก่ากับปราสาทด้านหลัง ได้วิวสวยๆมาอีกแบบ มองย้อนกลับที่แม่น้ำ ตามทางที่เราเดินเลียบมา
รูปปั้น Madonna ที่งดงาม ทางขึ้นปราสาทปูด้วยหินขรุขระ แต่ก็ไม่หวั่น
  • •  • •  

รูปปั้น Madonna นี้สร้างโดย Peter von den Branden เมื่อปี 1718 ในภาวะที่ชาวเมืองจำนวนไม่น้อยหมดศรัทธาใน
โรมันคาทอลิค แล้วพากันหันไปนับถือนิกายโปรแตสแตนท์ของ Luther แทน ฝ่ายโรมันคาทอลิคจึงพยายาม
อย่างหนักที่จะรณรงค์ให้คนคงศรัทธาในโรมันแคทอลิค หนึ่งในความพยายามคือ การก่อสร้างรูปปั้นแม่พระขึ้น
กลางใจเมือง Heidelberg แม้ไม่ศรัทธา คนก็มองว่ารูปปั้นทำให้จัตุรัสเล็ก ๆ ตรงนี้สวยขึ้นด้วยศิลปะแบบบารอค

 
 
12 นาทีผ่านไป ขึ้นมาถึงจุดชมวิวของปราสาทแล้ว วิวบนปราสาท ด้านซ้ายมือ คนยืนกันเยอะๆ เพื่อมองลงไปยังวิวริมแม่น้ำ
มองผ่านหน้าต่าง สวยไปอีกแบบ เขาว่ากันว่า เป็นตึกที่สวยที่สุดในบริเวณปราสาท
อีกมุมบริเวณปราสาท
• • ไม่นานเราก็มาถึง Schloss Heidelberg
จ่ายค่าเข้าชมคนละ 0.6 ยูโร
(ราคานักเรียน) เข้าไปชมปราสาทที่เก่ามาก ข้างใน
จะพบกับ พิพิธภัณฑ์ และจุดชมวิว
ที่เดิมที Prince Elector Ruprecht ที่ 3 (1398 - 1410)
ต้องการสร้างเป็นตำหนักพักอาศัย Prince Elector
องค์ต่อ ๆ มา(คริสต์ศตวรรษที่ 16 - 17)
ก็สร้างเพิ่มเติมจนกลายเป็นปราสาทราชวังใหญ่โต

พวกเราหยุดยืนมองลงไปยังบ้านเรือนหลังคาส้มแดง
ติดๆกัน ริมแม่น้ำเนคคาร์ที่จรดกับภูเขา สดชื่นดีจริงๆ ฟ้าวันนี้สดใส ช่างตัดกับสีเขียวของภูเขายามนี้จัง

เปลี่ยนมุมจากแม่น้ำ สะพาน และภูเขา
มายังตึกภายในบริเวณปราสาทที่ออกแบบ
มาอย่างวิจิตรสวยงามในสไตล์ Renaissance
• •

ที่สวยที่สุด คือ อาคาร Ottheinrich ซึ่งสร้างปี 1556 โดย Prince Elector Otto Heinrich (1556-1559)
และเข้าไปชม พิพิธภัณฑ์ยา (Pharmacy Museum) ที่เก็บเรื่องราวเกี่ยวกับเครื่องมือและกรรมวิธีการสกัดยา


• • • • •

Prince Elector Karl Ludwig (1649 - 1680) ได้รับสั่งให้มีการบูรณะปราสาทแห่งนี้ขึ้นใหม่ แต่กองทัพฝรั่งเศส
ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ก็บุกมาทำลายปราสาทลงย่อยยับในปี 1693 และในปี 1764 ปราสาทก็ถูกฟ้าผ่าให้เสียหาย
ยับเยินไปอีก ในศตวรรษต่อ ๆ มา ชาวเมืองพากันมาขนหินจากซากปรักหักพังแห่งนี้ไปสร้างบ้านเรือนใหม่ ๆ
จวบจนปี 1800 Count Charles de Graimberg ชาวฝรั่งเศสผู้ขุดพบซากปราสาทแห่งนี้ได้พยายาม ที่จะหยุดยั้ง
และริเริ่มอนุรักษ์ปราสาทเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์


• • 4 โมงกว่าๆ แดดตอนนี้กำลังเปรี้ยงเลย
เดินไปหาความร่มรื่นในสวนปืน (Gun Park)
กันดีกว่า

นักท่องเที่ยวพากันมายืนชื่นชม เก็บความประทับใจ
ที่จุดนี้กันมากมาย ทั้งคู่รัก ทั้งพ่อแม่ลูก
ร่วมกันถ่ายรูป

ภาพน่ารักๆเหล่านี้ สร้างรอยยิ้ม
ให้กับผู้คนทั่วไป ที่มาเที่ยวได้มากเลยทีเดียว

เมื่อมองลงไปที่พรมหญ้าสีเขียว พวกเราก็
ยิ้มให้กับความน่ารักของธรรมชาติอีกครั้ง
เจ้าแกะน้อยห้าหกตัว นอนหลับนิ่ง ดูน่ารักจริงๆ
• •

เดินเข้ามาภายใน สวนปืน ช่างร่มรื่นดีจัง เดี๋ยวต้องเดินไปสุดริมโน้นเลย
ต้นไม้แตกใบเขียว สดชื่นตาดีจัง พักชมวิวซะหน่อย ที่จริงเหนื่อยแล้ว แฮ่ะๆ
อ้ะ เอาไปอีกภาพ เดินผ่านมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในเยอรมัน ก่อนกลับเข้า Strasbourg เปลี่ยนเป็นวิวกลางคืนบ้าง

• • • • •

สวนปืนเดิมใช้ทำประโยชน์ทางยุทธศาสตร์ แต่ Prince Elector Friedrich ที่ 5 เปลี่ยนให้เป็นสวนสำหรับหย่อนใจ
ให้แก่เจ้าหญิงอังกฤษของพระองค์ คือ Princess Elisabeth Struart

• • ที่ลานสวนปืนนี้เรา้เดินไปจนสุดอาณาเขต มาเจอกะภูเขาฝั่งนี้ สัมผัสความสวยงามของธรรมชาติอีกไม่นานมาก
ก็ใกล้เวลาจะกลับแล้ว 5 โมงกว่าแล้วล่ะ ต้องรีบเดินไปขึ้นรถไฟแล้วล่ะ

  เมืองนี้ี้มีมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในเยอรมันด้วย ในตอนขากลับเราเดินผ่านตัวเมือง ได้เยี่ยมชมมหาวิทยาลัย
นี้ แต่ไม่มีโอกาสเข้าไปด้านในของมหาวิทยาลัยได้แต่ภาพของตัวมหาลัยจากด้านนอก จากนั้นก็ชมความคึกคักใน
ตัวเมือง ที่เต็มไปด้วยผู้คนและนักท่องเที่ยวที่เดินชมการละเล่นและร้านค้า ระหว่างสองฝั่งถนนที่นำเราไปสู่สถานี
รถไฟที่เราจะกลับแล้ว

เนื่องจากพวกเรากลับลงจากปราสาทอีกทางหนึ่ง ขากลับใช้เวลานานพอสมควร ตอนนี้แม้ว่า ท้องเริ่มหิว แต่มา
เที่ยววันนี้ ก็เต็มอิ่มไปด้วย ความรู้สึกดีๆจากไฮเดลเบิร์ก.... ^_^
• • 

หน้าถัดไป : ความประทับใจ • • •

ท่องเที่ยวไฮเดลเบิร์ก หน้า 1 : รู้จักเยอรมัน | 2 : เดินทางไปไฮเดลเบิร์ก | 3 : เรื่องเล่าจากครอบครัวมด | 4 : ความประทับใจ