ของฝากจากบรูจ Photos Postcards Guestbook
 
อ่านบันทึกเล่าสู่กันฟัง
เยอรมัน
ฝรั่งเศส
ลักซ์เซมเบิร์ก

<NEW!> เนเธอแลนด
เบลเยี่ยม

 



ไปเมืองต่างๆของเบลเยี่ยม
Brugge <updated!>
Antwerpen
Gent
Brussels


สวัสดีเบลเยี่ยม ยินดีที่ได้รู้จัก บรูจ


"สวัสดีค่ะ

สบายดีกันหรือเปล่า พวกเราสบายดีค่ะ

.....

วันนี้ไปเที่ยวบรูจมาค่ะ เป็นเมืองสวยงามทางตอนเหนือของเบลเยี่ยม เมืองเล็กน่ารักที่หลายคนร่ำลือว่าสวยนัก
ไปเห็นกับตาแล้วยิ่งประทับใจค่ะ สนุกจริงๆ เมืองน่ารักมากเลยค่ะ ดูมีชีวิตชีวา แถมมีที่สวยๆให้ดูเยอะแยะเลย
ทั้งด้านศิลปะ สถาปัตย์ แม่น้ำ และธรรมชาติ แถมผู้คนก็ใจดี ยิ้มแย้ม เป็นมิตรด้วยค่ะ

.....

อยากกลับไปเที่ยวบรูจอีกจัง"

รัก
.....


"เขียนอะไรอยู่เหรอ"
"อ้อ เขียนจดหมายกลับบ้านน่ะค่ะ เล่าบรรยากาศที่ไปเที่ยวมาวันนี้ ส่งโปสการ์ดรูป Belfroi ไปด้วยนะ รูปสวยดี"



วันนี้พวกเราไปเที่ยวบรูจ (ฺBrugge) ถ้าภาษาอังกฤษ ก็เขียนว่า Bruges
บรูจ ได้ชื่อว่าเป็น Venice of the north เมืองนี้สวยงามมากๆ

เมื่อความรักและความสนุกสนาน เดินทางไปพร้อมกับการท่องเที่ยว ความสุขก็เกิดขึ้นภายในใจ
ไปซึมซับ บรรยากาศเก็บไว้กันดีกว่า...


ฟังเพลงที่เอามาด้วยจนครบวนไปมาสามสี่รอบ
เมื่อใกล้ถึงชานชาลา ก็เตรียมพร้อมจัดของลงจากสถานีรถไฟ

8.21 น. -> 9.30 น. -> 10.30 น. ตอนนี้มาเทียบท่าสถานี Bruxelles-Nord (สถานีรถไฟสายเหนือ)
เพราะเราจะขึ้นไป เมือง Brugge อยู่ทางตอนเหนือของเบลเยี่ยม จาก ฺBruxelles-Nord มาถึง Brugge
ใช้เวลาอีก 1 ชั่วโมง


แบกเป้ เดินไกล ไป Youth Hostel

ปัญหาคือ Youth Hostel อยู่ไหนล่ะ รู้ที่อยู่ แต่ไม่รู้ที่ตั้ง สี่คนครื้นเครง ตอนนี้กลายเ็ป็น สี่คนอลเวง
เพราะวุ่นกับการหาเส้นทางไปที่พักซะแล้ว





"โอ๊ะโอ... จะไปทางไหนกันดีนะ ?"
"ติ๊ก ต่อก... ติ๊ก ต่อก... เลี้ยวซ้าย ขวา ?"

ใช้เวลาคิดตัดสินใจ ดูแผนที่หมุนรอบตัวอยู่นานสี่ห้า้นาที

ปิ๊งงงง..........

"งั้นทางนี้แล้วกัน" เสียงหนึ่งในสมาชิกเสนอขึ้น


พวกเราเห็นด้วย และตัดสินใจเดินตรงไป เลียบทางแม่น้ำ เดินมาค่อนข้างไกล จนขาลาก ประมาณ 20 นาทีผ่านไป
งานนี้ทั้งหนัก เหนื่อย และเมื่อย แต่นี่กลับเป็นสัญลักษณ์ของความสุข สนุกสนาน ที่กำลังจะเบ่งบานอยู่เบื้องหน้า
และรอให้พวกเราไปเก็บเกี่ยวมัน

ข้างหน้าลิบๆ นั่นเห็นแล้ว Youth Hostel

"โห โหดจริงๆ ถึงแล้ว แล้วยังต้องเดินข้ามสะพานลอยอีก ใจร้ายยยย..."
"น่านสิๆ แฮ่กๆ... แฮ่กๆ หายใจไม่ทัน"


Youth Hostel ร่มรื่น รื่นรมย์

Youth Hostel ที่นี่สวยและร่มรื่นดี มีรั้วรอบขอบชิด สนามหญ้าสีเขียวสดชื่น ข้างนอกบริเเวณสวนมีโต๊ะ
สำหรับเล่นปิงปองด้วย ตรงทางเข้า มีป้าย WELKOM เป็นภาษาดัชต์ตัวใหญ่อยู่ นี่คงแปลว่า ยินดีต้อนรับล่ะมั๊ง
ขอบคุณจ้ะ งั้นขอพักคืนนึงนะจ๊ะ (ภาษาที่ชาวเบลเยี่ยมใช้ คือ Dutch (official) 60%, French (official) 40%)
ที่พักที่นี่ต่างจากที่ลักซ์เซมเบิร์ก คราวนี้พักห้องแยกชายหญิงห้องละ 6 คน ห้องพักสบาย

"คุณมีใบรับรองจองห้องพักหรือเปล่าครับ" เจ้าหน้าที่ถามขึ้น
"มีครับ มีค่ะ" พวกเรายื่นใบรับรองจองห้องพักที่จองผ่านเนต
"คุณจะได้สิทธื์นั้น เดี๋ยวนี้ีครับ..."

พวกเราได้ห้องพักเบอร์ 7 และ 8 ซึ่งเป็นห้องพักขนาด 6 คน
เข้าไปในห้องพักตอนนั้น ยังไม่มีเพื่อนใหม่คนอื่นเข้าพักเลย

เพื่อนใหม่จะเป็นใครบ้างน๊อ เดี๋ยวตอนเย็นๆ คงรู้ล่ะ
หลังจากจัดวางกระเป๋าใบใหญ่ (มาก) ซึ่งใบนี้เป็นต้นตอของ
เรื่องตลกๆ เพราะทำให้ใครบางคนเข้าใจผิด (เข้าใจผิดอะไร
ว่ายังไง ติดตามอ่านแล้วกันนะ)

นั่งพักเหนื่อยแป๊บ ก็...
พร้อมละ...

"... แต่! เดี๋ยวก่อน... (น้ำเสียงแบบในโฆษณา Abdominizer)
ถ้าคุณเปลี่ยนรองเท้าจากผ้าใบที่อึดอัด เป็นรองเท้าที่ใส่สบาย วันนี้เท้าคุณจะสบาย เดินได้เป็นสิบกิโล
ไม่เพียงเท่านั้นนะ... บรูจที่สวยงามอยู่แล้ว จะดูสวยขึ้นกว่าทุกวัน โอว...ช่างวิเศษจริงๆ..."


งั้น เปลี่ยนรองเท้าดีกว่า แฮะ...
อีกอย่าง วันนี้อากาศก็ไม่ค่อยร้อน ไม่เอาหมวกไปดีก่า

เมื่อสี่คนพร้อมแล้ว ไปลุยกั๊น..........



กาลเวลาหยุดนิ่งที่เมืองบรูจ

ตอนนี้ตัวเบากว่าตอนขามาเยอะเลย เอาเป้ใบใหญ่ออกไป ทำไมเหมือนท้องจะหิวด้วยนะ แฮ่ๆ ชักหิวอีกแล้วสิ
บ่ายโมงกว่าแล้วนี่นา เดี๋ยวคงต้องหาซื้ออะไรกิน จะได้มีแรงเดินต่อ

ระหว่างเดินเข้าเมืองมาจาก Youth Hostel ก็ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก็ไม่ใกล้เท่าไหร่ แต่ตัวเบาเลยเดินสบาย
ไม่เหนื่อยมากนัก อ้อ! ไฟแดงที่นี่มีเสียงนับด้วยนะ ติ๊กๆๆๆๆ ตอนแรกก็หาอยู่ว่า เสียงมันมาจากหนาย...ยย พอใกล้จะเปลี่ยนสี ก็จะดังถี่ขึ้น เก๋ีไปอีกแบบ

เดินไปมองหาร้านไป คราวนี้ได้แซนวิสขนมปังบาเก็ต ไส้ทูน่า และปลาซัลมอนมาคนละอันแล้ว
รสชาติอร่อยจัดจ้านดี อันเดียวแท่งยาวๆนี่ ก็อิ่มไปได้นานโข

ดูจากแผนที่แล้ว บรูจมีที่ให้เดินเยอะมากๆๆๆเลย แต่ตอนนี้อากาศชักไม่ค่อยดี เมฆครึ้มมาก กลัวฝนจะตกจัง
พวกเราต้องรีบเดินเก็บสถานที่กันก่อนล่ะ เพราะมีเวลาเที่ยวแค่วันเดียว ถ้าฝนตกล่ะ แย่เลย
ถึงตอนนี้ขาทำงานหนัก พวกเราเดินจ้ำใหญ่เลย ส่วนมือ ก็ถือแซนวิชไส้ปลาทูน่า ไส้ปลาซัลมอน
ที่็ค่อยๆหายไปในพริบตา่

[เลื่อนเมาส์ไปบนรูปเพื่อดูชื่อสถานที่ อ่านประกอบกับเรื่องเล่า...จะไปเที่ยวได้สนุกขึ้นจ้ะ
ส่วนรูปทั้งหมดดูได้ที่เมนู Photos ข้างบนจ๊ะ มีทั้งวิวสวยๆ ทั้งวิวทั้งคน สนใจก็คลิกเข้าไปได้เลย]

ที่แรกที่มาคือ - Church of Our Lady
(Eglise Notre-Dame
) เราอยู่ในโบสถ์นานพอ
สมควร สงบ เงียบ มีสมาธิ และผ่อนคลายมาก
ภายในมีศิลปะรูปปั้นมากมาย ที่เด่นๆและมีชื่อเสียง
ก็คือ รูปปั้นหินอ่อนสีขาวมาดอนนากับเด็ก โดยศิลปิน
Michelangelo

- The Saint Salvator Cathedral เป็นโบสถ์
ที่สวยงาม อีกโบสถ์นึง แต่ไม่ได้สร้างเพื่อเป็น
โบสถ์ประจำเมือง

จากนั้นเดินไปที่อื่นๆกันต่อ ผ่านอนุเสาวรีย์
นักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียง Simon Stevin
(Simon Stevinplein : Bruges, 1548,
Den Haag, 1620)
ซึ่งเป็นปรึกษาของ Prince
hollandais Maurice de Nassau 

Church of Our Lady Church of Our Lady
The Saint Salvator Cathedral
Simon Stevin



ฟ้าตอนนี้ี้เป็นสีเทา เมฆสีหม่นลอยเกลื่อนไปทั่วท้องฟ้า
บรรยากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝน กับอากาศเย็นๆแบบนี้
แต่กลับ...
เห็นหน้าเปื้อนยิ้มของตัวเองสะท้อนจากผนังกระจกตรงร้านค้าข้างทาง
รู้สึกสนุกกับที่ใหม่แสนสวยงาม
และ...
กำลังมีความสุขอยู่กับบรรยากาศแบบนี้



อย่างที่เคยบอกกันว่า เมืองนี้มีที่สวยๆ ให้ดูเยอะมาก แต่พวกเรามีเวลาเที่ยวแค่วันเดียว จริงๆแล้วก็ครึ่งวัน
เพราะมาถึงก็เที่ยงแล้ว แต่โชคยังดีที่ ช่วงนี้จะมืดช้า สามทุ่มโน่นแน่ะกว่าจะเริ่มมืด เลยโชคดี เหมือนได้เวลา
เพิ่มมาอีกหน่อย


Market Square (Grand Place) เมืองนี้มีดีใ้ห้ดู...เยอะจัง

ไปกันต่อที่ Market Square (Grand Place) จตุรัสกลางเมืองที่งดงาม ลานนี้เป็นตลาด open-air
ซึ่งทั้งสี่ทิศก็มีอาคารสวยงามต่างๆ ดูรูปประกอบนะจ๊ะ จะได้เห็นภาพ หรืออาจจะงงขึ้นก็ต้องขออภัยด้วย แฮ่ะๆ
ไปวาดมาคร่าวๆน่ะ


จุดเด่นของปลาสนี้ หรือเรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นของเมืองบรูจ ก็อยู่ที่
- Belfry and Halles (Beffroi et Halles) สร้างสมัยศตวรรษที่ 13-16 มีบันได 366 ขั้น
ส่วนฮอลล์ เมื่อก่อนใช้เป็นที่ซื้อขายสินค้า และเป็นคลังเก็บผ้า แต่ปัจจุบันนี้เป็นพิพิธภัณฑ์เล็กๆ
ที่่เสนอเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของหอคอยนี้

เมื่อมองไปรอบตัว อาคารต่างๆ สวยมากๆ ติดอันดับต้นๆในใจของที่ที่พวกเราได้ไปมา พวกเราตื่นเต้นกับ
อาคารสีสวยแปลกตาหลังแล้วหลังเล่าที่เรียงกัน จุดเด่นตรงหลังคาเป็นขั้นๆ ซึ่งเป็นศิลปะแบบ medieval styles
คือ ในยุคสมัยกลาง (Middle Ages)

เมืองบรูจ ได้รับยกย่องว่า ดูแลรักษาบ้านในยุคกลางได้อย่างดี โดยศิลปะแบบยุคกลางนี้
สถาปัตยกรรมนิยมสร้างให้มีรูปทรงสูงชะลูด ใช้โค้งหลังคาแบบต่างๆ เพื่อเฉลี่ยน้ำหนักของหลังคาลงบนเสา
อันนี้ก็อ่านมาจากเวบอีกที ที่เคยเรียนมาเมื่อสมัยม. ต้น ก็คืนอาจารย์สังคมไปหมดแล้ว อาจารย์โปรดให้อภัย
เพิ่งมาเห็นด้วยตาตัวเองก็คราวนี้


- The town's Charters of privileges and freedom ข้างบนหอคอยมีระฆัง 47 ใบ ซึ่งเป็นหนึ่งในสิ่งที่งดงาม
ของโลกเลยทีเดียว

ที่สวยสง่าสะดุดตามากๆอีกอย่างคือ
- Provincial Government Palace (Palais Provincial) เมื่อปี ค.ศ. 1887-1921 งามจนบรรยายไม่ถูกอีกแล้ว
ล่ะ ประณีตงดงาม แหงนหน้ามอง แล้วต้องหยุดนิ่งไปนานหลายนาที เพื่อจดจำความสวยงามอย่างมีคุณค่านี้เอาไว้


Provincial Government Palace Belfry and Halles
ศิลปะแบบ medieval styles Jan Breydel & Pieter De Coninck
รถม้าที่นี่เห็นได้ทั่วไป เพราะเอาไว้บริการนักท่องเที่ยว หนุ่มน้อยน่ารักนี้ ชื่อ papageno
ส่วนอนุเสาวรีย์ของผู้กล้าสองคน คือ
Jan Breydel & Pieter De Coninck

- Statue of two popular local heroes (Statue des
deux heros locaux) ซึ่งท่านได้ต่อสู้อำนาจของฝรั่งเศส
ที่จะเข้าครอบครองช่วงต้นศตวรรษที่ 14

รถม้าที่นี่เห็นได้ทั่วไป เพราะเอาไว้บริการนักท่องเที่ยวที่
อยากเปลี่ยนบรรยากาศจากการเดิน พวกเราก็
อยากเปลี่ยนบรรยากาศ แต่... เดินน่ะดีแล้ว ฮิๆ
(จ่ายแพงกว่าทำไม) เอาล่ะ ชื่นชมกันอยู่นานโขแล้ว
ไปที่อื่นๆกันมั่ง เดินผ่านรูปปั้นหนุ่มน้ิอยสวมหมวกรูปนก
มีปีกด้วย น่ารักดี ยังดีที่่ีได้ถามไถ่ชื่อ และแอบถ่ายรูป
มาด้วย ฮิๆ หนุ่มน้อยน่ารักนี้ ชื่อ papageno




เดินมาถึงคลองซึ่งหน้าตาสะพานคล้ายที่เวนิสมาก
ตรงนี้กระมังที่ได้ฉายาว่า เวนิสทางตอนเหนือ
ยังไม่เคยไปเวนิสซักที ได้มาเวนิสทางตอนเหนือ
ก็สวยไม่แพ้กัน

นอกจาก รถม้า แล้วการนั่งเรือก็เป็นอีกอย่างที่นิยม
เนื่องจากเมืองนี้มีคลองสวยงาม แถมบรรยากาศก็
็เย็นๆ สดชื่น ปล่อยให้สายลมปะทะหน้า ลมแรง
จนตาหยี แต่ก้มีความสุข ^_^ ชื่นชมด้วยสายตา
แล้วก็ถ่ายภาพ เก็บบรรยากาศเป็นที่ระลึกกลับไปด้วย

นั่งพักเหนื่อยดีกว่า
เดินมาถึงคลองซึ่งหน้าตาสะพานคล้ายที่เวนิสมาก ตรงนี้กระมังที่ได้ฉายาว่า เวนิสทางตอนเหนือ ยังไม่เคยไปเวนิสซักที ได้มาเวนิสทางตอนเหนือ
การนั่งเรือก็เป็นอีกอย่างที่นิยม บรรยากาศก็ เย็นๆ สดชื่น ถ่ายภาพ เก็บบรรยากาศเป็นที่ระลึกกลับไปด้วย
 



มาเที่ยววันที่ 4 ของการเดินทางนี้ เดิน เดิน เดิน เป็นส่วนใหญ่ จนตอนนี้ไปคัดตัวเดินทนได้แล้ว ทั้งแข็งแรง
ทั้งผิวเข้มขึ้นเพราะบางวันก็แดดแรงมาก มีน้องคนนึงบอกว่า ถ้าไปเที่ยวแล้วดำ ก็แสดงว่า อากาศดีมีแดด เที่ยวสนุก
ถ่ายภาพออกมาก็สวย อย่างนี้จะได้มีกำลังใจเดินเที่ยวอีก


พูดถึงเรื่องเดินๆ ตอนนี้เดินมาถึง สวนของเมืองนี้ (City park) แล้ว ก็ขอนั่งพักซักหน่อย สวนนี้น่ารักดีมีน้ำพุ
และศาลาเล็กๆ สีฟ้าสีเหลือง ขอเอาสีเขียวของต้นไม้ สีสันของดอกไม้ ชโลมตาชโลมใจให้ชุ่มฉ่ำ จะได้ก้าวต่อ
ไปอย่างสนุกสนาน

 
City park ศาลาเล็กๆ สีฟ้าสีเหลือง องครักษ์พิทักษ์เจ้าหญิง
นั่งพักได้ไม่นานนักก็ออกเดินกันต่อ มุมยอดฮิต
ส่วนแถบนี้เรียกว่า The Rozenhoedkaai เก็บภาพเป็นที่ระลึก


สวนนี้น่ารักดี ที่ชอบอีกอย่างคือ มีเจ้าหงส์สีขาว
มันขึ้นมาอยู่ บนดิน ปกติจะเห็นแต่ลอยสง่างาม
บนผืนน้ำ มันไม่ได้อยู่ตัวเดียวนะ
ยังมีอีกตัวนึงนั่งอยู่ในพุ่มไม้
ส่วนตัวนี้นั่งเฝ้าอยู่ด้านหน้ายังกับองครักษ์
พิทักษ์เจ้าหญิงเชียวล่ะ


นั่งพักได้ไม่นานนักก็ออกเดินกันต่อ
มาถึงอีกคลองนึง มีบ้านเก่าโบราณสมัยปี 1630 & 1716
"huidenvetters" หรือ tanneurs ส่วนแถบนี้เรียกว่า
The Rozenhoedkaai ซึ่งเป็นมุมยอดฮิตที่ใครๆมาแล้ว
ก็ต้องเก็บภาพเป็นที่ระลึก

 


 

หน้าถัดไป : ผ้าลูกไม้ เวนิสทางตอนเหนือ และหงส์ขาว